top of page
ค้นหา
รูปภาพนักเขียนAmazing Group of friends

THE GUILTY : เรื่องระทึกที่ปลายสาย

ภาพยนตร์แนวอาชญากรรมระทึกขวัญที่จะทำให้เราเข้าใจเจ้าหน้าที่สายด่วนฉุกเฉินมากขึ้นกว่าเดิม


เราถูกสอนมาตั้งแต่ยังเป็นเด็กว่าหากเกิดเหตุด่วนเหตุร้ายอะไรขึ้นมาก็ให้โทรหา 191 เป็นเบอร์สายด่วนฉุกเฉินที่เราจะสามารถติดต่อตำรวจได้โดยตรง แต่อย่างไรก็ตามในสังคมของเรานั้นไม่ได้มีแค่คนที่มีความคิดตามปกติทั่วไปแต่อย่างใด มีคนจำนวนไม่น้อยที่บางครั้งก็โทรไปเบอร์ด่วนฉุกเฉินเพื่อก่อกวนหรือไม่ก็โทรไปโดยไม่มีเหตุจำเป็น

ในขณะเดียวกันเองคนที่ต้องการขอความช่วยเหลือแต่ไม่สามารถพูดได้อย่างตรงไปตรงมาก็ต้องพยายามสื่อสารกับเจ้าหน้าที่ให้รู้เรื่อง ดังนั้นคนที่จะมาเป็นเจ้าหน้าที่สายด่วนฉุกเฉินจึงต้องเป็นคนที่มีไหวพริบและทำงานได้อย่างรวดเร็ว

มีสติสัมปชัญญะในการคิดพิจารณาถึงเหตุการณ์ที่กำลังฟังอยู่กับหู มันจึงไม่ใช่เรื่องง่ายเลยแม้แต่น้อยที่จะสามารถทำงานดังกล่าวได้เป็นอย่างดี อย่างเช่นเจ้าหน้าที่ในภาพยนตร์ที่เราจะมาแนะนำกันในวันนี้นั่นก็คือ THE GUILTY ภาพยนตร์แนวอาชญากรรมระทึกขวัญที่จะช่วยให้เรานั้นเข้าใจเจ้าหน้าที่สายด่วนฉุกเฉินมากขึ้นกว่าเดิมว่ากระบวนการทำงานของพวกเขานั้นเป็นอย่างไร

และสิ่งที่พวกเขาต้องทำก็ไม่ใช่แค่การรับโทรศัพท์เพื่อส่งเรื่องต่อให้กับตำรวจในพื้นที่เพียงแค่อย่างเดียว ภาพยนตร์เรื่องนี้จะเล่าถึงเรื่องราวของชายหนุ่มคนหนึ่งที่มีชื่อว่าโจ เขานั้นทำงานเป็นเจ้าหน้าที่สายด่วนฉุกเฉิน 911 ในวันหยุดของทีมเขานั้นต้องมาเข้ากะเพื่อปฏิบัติงานตามลำพัง ทุกอย่างดูเหมือนจะเงียบสงบดีจนกระทั่งเขาได้รับสายจากหญิงสาวคนหนึ่งที่โทรมาแจ้งว่าเธอนั้นถูกลักพาตัว

ด้วยเหตุนี้เขาจึงต้องพยายามหาวิธีการในการช่วยเหลือเธอให้สำเร็จ แต่เมื่อเขาพยายามช่วยเหลือเธอเขาก็ได้ค้นพบว่ามีบางสิ่งบางอย่างที่ดูจะสลับซับซ้อนมากกว่าแค่คดีลักพาตัวทั่วไปและมีอีกหลายอย่างเลยทีเดียวที่ไม่ได้เป็นไปตามที่เขาเข้าใจแต่อย่างใด ด้วยเหตุนี้เขาจึงต้องพยายามลงลึกหาสาเหตุว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่ยิ่งเขาสืบหาความจริงมากขึ้นเท่าไหร่เขาก็ต้องยิ่งพบกับสิ่งที่ทำให้ตัวเองไม่เข้าใจมากขึ้นเท่านั้น

THE GUILTY เป็นภาพยนตร์แนวอาชญากรรมบันทึกขวัญที่ตลอดทั้งเรื่องแล้วแทบจะไม่ได้เห็นเหตุการณ์อะไรเลยนอกจากในห้องทำงานของโจที่เขาโทรศัพท์พูดคุยกับเหยื่อที่โทรเข้ามาแจ้งเหตุเท่านั้น เราจะได้รับรู้เรื่องราวผ่านเสียงที่ได้ยินและการตอบสนองของโจไปตลอดทั้งเรื่อง การเล่าเรื่องแบบนี้ให้ความรู้สึกใกล้เคียงกับภาพยนตร์ต้นทุนต่ำ หากไม่ได้เจค จินเลนฮานมารับบทนำเชื่อว่าภาพยนตร์เรื่องนี้คงไปไม่ถึงฝั่งฝันอย่างแน่นอน

แต่การแสดงของเขาประกอบกับปริศนามากมายที่ใส่เข้ามาในภาพยนตร์มันทำให้ผู้รับชมอยากจะติดตามไปจนถึงตอนจบว่าเหตุการณ์จะลงเอยอย่างไรและลุ้นว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปในอนาคตกันแน่ และด้วยความที่เล่าเรื่องราวผ่านตัวละครโจเพียงแค่คนเดียวแทบจะตลอดทั้งเรื่องทำให้สิ่งสำคัญของภาพยนตร์เรื่องนี้ก็คือการออกแบบตัว

 

ติดตามข่าวสารหนังเพิ่มเติม : รีวิวหนัง

ติดตามรีวิวหนังเพิ่มเติม : เว็บรีวิวหนัง

ดู 5 ครั้ง0 ความคิดเห็น

Comments


โพสต์: Blog2_Post
bottom of page