top of page
ค้นหา
รูปภาพนักเขียนAmazing Group of friends

12 Mighty Orphans : 12 ผู้เกรียงไกรแห่งไมตี้ไมต์ส

หนังสร้างจากเรื่องจริงของทีมอเมริกันเด็กกำพร้า

 

ชื่อเรื่อง : 12 Mighty Orphans (12 ผู้เกรียงไกรแห่งไมตี้ไมต์ส)

ผู้กำกับ : ไท โรเบิตส์

ความยาว : 131 นาที

วันที่ฉาย : 1 มิถนายน 2022 (วันที่เข้า Netflix)

ระบบเสียง : บรรยายไทย

ช่องทางการรับชม : Netflix

คะแนน : 7.5/10

 

รีวิว 12 Mighty Orphans (12 ผู้เกรียงไกรแห่งไมตี้ไมต์ส) หนังสร้างจากเรื่องจริงของทีมอเมริกันเด็กกำพร้า บทความรีวิวนี้ ถูกเขียนขึ้นมาจากความรู้สึกส่วนตัวของผม หากผิดพลาดประการใด หรือไม่ถูกใจใครต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ แต่ก่อนจะมาเริ่มการรีวิวเรามาดูเรื่องย่อกันก่อนดีกว่า



ดัดแปลงมาจากเรื่องจริงของโค้ชทีมอเมริกันฟุตบอลมากฝีมือนามว่า "รัสตี้ รัสเซลล์" (รับบทโดย Luke Wilson) ที่ได้ถูกเรียกตัวให้ไปเป็นคุณครูและเป็นโค้ชทีมฟุตบอล (อเมริกันฟุตบอล) ที่สถานรับเลี้ยง (บ้านเด็กกำพร้า) ในเมืองฟอร์ตเวิร์ท รัฐเท็กซัส ซี่งเรื่องราวจะดำเนินอยู่ในช่วงปี 1930 โดยในยุคนั้นถือเป็นยุคที่เศรษฐกิจตกต่ำ และกำลังจะเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 2 เด็กกำพร้าเหล่านี้จึงเป็นกลุ่มคนที่ถูกสังคมละเลย และไม่มีใครสนใจ แต่โค้ชรัสเซลล์ไม่คิดแบบนั้น



เขาได้อุทิศชีวิตของเขาในการปลุกปั้นและฝึกฝนให้เด็กกำพร้าเหล่านี้มาเล่นอเมริกันฟุตบอล เหล่าเด็กกำพร้าที่ไม่เคยมองเห็นอนาคตของตัวเอง เขาได้หยิบยื่นโอกาสให้ และลุกขึ้นจัดตั้งทีมฟุตบอลที่ใครๆ ก็ดูแคลนว่าไร้ศักยภาพ แต่ทุกคำสบประมาทนั้น ได้กลับกลายมาเป็นจุดเริ่มต้นของแรงบันดาลใจ บอกเลยว่าหนังดูเพลินมาก ใครชอบแนวดราม่า หรือชอบหนังชีวประวัติ ห้ามพลาด 12 Mighty Orphans (12 ผู้เกรียงไกรแห่งไมตี้ไมต์ส) รับชมได้ทาง Netflix



ความรู้สึกหลังดูของผม คือชอบเลย ตอนแรกเปิดกะดูขำๆ ไปๆมาๆ ดูจบเฉย หนังสนุกดี ดูเพลินมากๆ เป็นหนังที่ให้แรงบันดาลใจได้ดีพอสมควรเลย แถมยังเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงด้วย ส่วนตัวผมชอบดูหนังที่สร้างมาจากเรื่องจริงอยู่แล้ว ก็เลยรู้สึกสนุกไปกับหนังเรื่องนี้ มาเริ่มกันที่เรื่องบทกันก่อนเลยดีกว่า บทของเรื่องนี้ถือว่าตามมาตรฐานทั่วไปนะ ไม่ได้ถึงกับดีมากมายอะไร แต่ก็อยู่ในเกณฑ์ที่ดี เรียกได้ว่าดูได้สนุกเพลินๆ ไม่น่าเบื่อเลย



ลำดับการเล่าเรื่องราวได้ดี เกลี่ยบทให้ตัวละครแต่ละตัวได้ดี ฉลาดมากที่เลือกให้บทกับตัวละครเด็กกำพร้าแค่บางคน ซึ่งในเรื่องจะโฟกัสไปที่ "ฮาร์ดี้ บราวน์" (รับบทโดย ออสติน วอล์กเกอร์) เด็กหัวร้อนที่มีปัญหาทางอารมณ์ เพราะเคยเจอเหตุการณ์ที่ฝังใจ และหนังจะค่อยๆเล่าพร้อมกับแก้ปมให้เขาทีละนิดๆ บทของเด็กคนนี้มันช่วยทำให้ภาพรวมหนังออกมาดีและครบรส ส่วนนี้ผมชอบมากๆ ต่อมาการเล่าเรื่องก็ทำได้ดี เล่าเรื่องเป็นลำดับไปเรื่อยๆ ไม่สะเปะสะปะ การดำเนินเรื่องก็กำลังดี ไม่เร็วเกินไป ไม่ช้าเกินไป



ต่อมาด้านการแสดง ในส่วนนี้ก็ทำได้ดีเช่นกัน ป๋า Luke Wilson ผู้รับบทเป็นโค้ชก็สามารถแบกหนังได้สบายๆ การแสดงของแกดีใช้ได้ เสียดายที่บทไม่ได้มีประเด็นอะไรให้ขยี้มากนัก เลยยังบิ้วอารมณ์ไปได้ไม่สุด น่าเสียดายจริงๆ แต่ก็ยังมีฉากซึ้งๆ และฉากประทับใจให้นักแสดงได้ปล่อยอยู่บ้าง มาต่อที่นักแสดงสมทบที่แสดงเป็นเหล่าเด็กกำพร้า



ซึ่งในหนังตัวละครที่โดดเด่นก็จะ "ฮาร์ดี้ บราวน์" (รับบทโดย ออสติน วอล์กเกอร์) และ "สน็อก" (รับบทโดย เจคอบ ลอฟแลนด์) สองตัวละครนี้ค่อนข้างจะโดดเด่นและเป็นที่จดจำที่สุดแล้ว คนที่แสดงเป็นฮาร์ดี้ ส่วนตัวผมเฉยๆนะ รู้สึกแข็งๆไปด้วยซ้ำ



แต่คนที่แสดงเป็นสน็อกคนนี้ผมชอบอยู่ แสดงดีเลย กวนดี และที่ขาดไม่ได้เลย คือตัวละคร "ครูวินน์" (รับบทโดย เวย์น ไนต์) ตาแก่จอมโหดที่ชอบตีเด็ก คนนี้แสดงดีเลย น่าหมันไส้มาก ส่วนนักแสดงสมทบคนอื่นๆ ที่เหลือก็ถือว่าแสดงได้ตามมาตรฐานปกติทั่วไป



ท้ายสุดคือเรื่องงานภาพและการโปรดักชั่น ในส่วนนี้ผมก็ให้ว่าอยู่ในระดับมาตรฐานทั่วไป ไม่ได้โดดเด่นหรือมีเทคนิคการถ่ายทำที่หวือหวาอะไรมากมาย การโปรดักชั่นก็ดีใช้ได้ เสื้อผ้าหน้าผมดี การเกลี่ยสีภาพก็ใช้ได้ สวยดี ฉากการแข่งสำหรับผมมองว่าไม่ค่อยสนุกเท่าไหร่ มันไม่ค่อยลุ้นเท่าที่ควร แต่ก็ไม่ได้แย่ซะทีเดียว ถือว่ารับได้



สรุปแล้วคือ มันเป็นหนังที่ดีใช้ได้เลย และบางคนอาจจะชอบมากๆด้วยซ้ำ เพราะความชอบคนเราไม่เหมือนกัน หนังแบบนี้ทุกคนต้องไปดูด้วยตาตัวเองดีกว่าครับ อย่าเชื่อคำวิจารณ์หรือรีวิว ไปพิสูจน์ด้วยตัวเอง แต่ผมรับประกันว่าการดูหนังเรื่องนี้จะไม่รู้สึกเสียดายเวลาแน่นอน



หนังมีการแฝงข้อคิดและให้แรงบันดาลใจแก่ผู้ชม เรื่องนี้ผมค่อนข้างมั่นใจ ไปดูกันเถอะครับ สุดท้ายนี้ผมขอให้คะแนนภาพยนตร์เรื่อง 12 Mighty Orphans (12 ผู้เกรียงไกรแห่งไมตี้ไมต์ส) ไว้ที่ 7.5/10 คะแนน


 

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติม : รีวิวหนัง

ติดตามเนื้อเรื่องอื่น ๆ : รีวิวหนังภาพยนตร์

อ่านเพิ่มเติม : รีวิวหนังดัง


ดู 4 ครั้ง0 ความคิดเห็น

Comments


โพสต์: Blog2_Post
bottom of page